ป่นกบ/น้ำพริกกบ แซ่บนัว ส่วนประกอบ และวิธีทำป่นกบ

Last Updated on 24 พฤศจิกายน 2022 by siamroommate

ป่นกบ หรืออาจเรียก น้ำพริกกบ เป็นอาหารตำรับดั้งเดิมของอีสาน ที่ใช้ได้ทั้งกบนา และกบเลี้ยง หน้าตาป่นกบมีลักษณะคล้ายน้ำพริก สามารถทำได้ทั้งแบบแห้ง และแบบมีน้ำ โดยมีรสมัน แซ่บ และกลมกล่อม มีกลิ่นหอมของกบที่เป็นกลิ่นอาหารป่า ซึ่งใช้รับประทานคู่กับข้าวเหนียวหรือข้าวสวย แต่ทั่วไปจะนิยมรับประทานคู่กับข้าวเหนียวเป็นหลัก

ชนิดกบสำหรับทำป่น
กบที่ใช้ทำป่นกบอาจเป็นกบนาที่หาได้จากตามธรรมชาติก็ได้ หรือ เป็นกบเลี้ยงที่หาซื้อได้ตามตลาดสดก็ได้เช่นกัน แต่ทั่วไปผู้ที่นิยมรับประทานมักกล่าวว่า กบนาจะมีรสอร่อยกว่า เพราะเนื้อเหนียวแน่นกว่ากบเลี้ยง ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับความชื่นชอบของแต่ละท่าน โดยแบ่งกบสำหรับทำป่นกบออกเป็น 2 ชนิด ตามขนาดลำตัว คือ
1. กบตัวเล็ก ขนาดไม่เกิน 1 ขีด หรือ ขนาดลำตัวเล็กจนถึงขนาดลำตัวกว้างประมาณ 1 นิ้ว กบชนิดนี้ มีข้อเสีย คือ ต้องใช้จำนวนตัวมาก และที่สำคัญมีรสมันน้อย เนื่องจาก เป็นกบเล็กที่ยังไม่การสะสมไขมันในร่างกาย ส่วนข้อดี คือ ย่างสุกเร็ว แต่หากย่างไม่เฝ้าตลอดอาจไหม้เกรียมได้ง่าย และข้อดีอีกด้าน คือ สามารถใช้ทุกส่วนตำบดรับประทานได้ เพราะกระดูกยังอ่อนเคี้ยวรับประทานได้
2. กบตัวใหญ่ ขนาดมากกว่า 1 ขีด หรือ ขนาดลำตัวกว้างตั้งแต่ 1 นิ้ว ขึ้นไปทุกขนาด กบชนิดนี้ เป็นกบไซด์ใหญ่ มักมีพวงไขมันสะสม จึงเป็นที่นิยมใช้ทำป่นกบ เพราะป่นที่ได้จะมีรสมันนวลของพวงมัน เนื้อแน่น และเหนียว ทำให้รับประทานอร่อยมาก แต่ทั่วไปกบชนิดนี้ หากเป็นกบนาจะหาได้เฉพาะฤดูหากบ แต่หากเป็นหน้าแล้งจะหากบนาได้ยาก จึงมักใช้กบเลี้ยงมาแทน ซึ่งกบเลี้ยงสามารถหาซื้อได้ในทุกฤดู

วัตถุดิบ และส่วนประกอบ
1. กบย่าง หรือ กบต้มสุก (ตัวเล็ก 5 ตัว/ตัวใหญ่ 2-3 ตัว ขึ้นอยู่กับขนาดใหญ่เท่าไร)
2. หอมแดงเผาหรือคั่วสุก 3 หัว
3. พริกขี้หนูเผาหรือคั่วสุก 5 ผล (ขึ้นอยู่กับต้องการเผ็ดมาก เผ็ดน้อย)
4. กระเทียมเผาหรือคั่วสุก 3-5 กลีบ
5. ผักหอม 1 ต้น (ใส่หรือไม่ใส่ก็ได้)
6. ผักชีฝรั่ง/ผักหอมเป หรือ ผักชี 1 ต้น (ใส่หรือไม่ใส่ก็ได้)
7. มะนาวครึ่งลูก (เฉพาะผู้ต้องการเพิ่มรสเปรี้ยว)
8. ผงชูรส 1 ช้อนชา (ช้อนเล็กตักน้ำตาล)
9. น้ำปลา ครึ่งช้อนชา (ช้อนเล็กตักน้ำตาล) (ช้อนเล็กตักน้ำตาล)
10. น้ำปลาร้า 1 ช้อนโต๊ะ (ช้อนรับประทานอาหาร) หรือ น้ำต้มปลาร้า 5 ช้อน

ป่นกบแบบแห้ง
ป่นกบแบบน้ำ

วิธีทำป่นกบ
1. ทำการชำแหละกบ โดยไม่ต้องลอกหนัง แต่บางท้องที่อาจนิยมทำการลอกหนัง ก็แล้วแต่ชื่นชอบ การชำแหละนั้น ให้นำอวัยวะภายในออก ได้แก่ ดี กระเพาะอาหาร และลำไส้ออกให้หมด ให้เหลือไว้เฉพาะตับ หัวใจ และพวงมัน
2. ทำการย่างกบด้วยเตาถ่านอ่อน โดยย่างให้สุกพอประมาณ กล่าวคือ เนื้อกบมีสีเหลืองแกมบ้างเล็กน้อย และไม่ควรให้กบแห้งมาก ซึ่งต้องคอยพลิกกลับเหล็กย่างตลอด ระวังอย่าให้ตัวกบไหม้ดำได้ เพราะหากไหม้ดำจะทำให้ป่นกบมีรสขม เนื้อป่นกบรับประทานไม่อร่อยได้ นอกจากนั้น การทำป่นกบยังสามารถที่จะใช้วิธีการต้มกบให้สุกก่อนก็ได้ แต่ไม่นิยม เนื่องจาก การต้มให้สุกจะไม่ได้กลิ่นหอมของกบเหมือนกับการย่างครับ


3. ทำการย่างพริกขี้หนู หอมแดง และกระเทียม ซึ่งอาจทำคู่กันโดยการแยกเตาถ่านหรือทำหลังจากย่างกบสุกแล้ว
4. หลังจากนั้น นำพริกขี้หนู หอมแดง และกระเทียม มาตำในครกให้แหลกพอประมาณ ทั้งนี้ การย่างทุกส่วนไม่ควรย่างหรือเผาให้ไหม้ดำ ควรเผาหรือย่างสุกพอประมาณเพียงให้เกิดกลิ่นหอมการย่างก็เพียงพอ
5. จากนั้น นำกบใส่ลงในครกที่ตำพริกขี้หนู หอมแดง และกระเทียมไว้แล้ว โดยหากเป็นกบเล็กให้ฉีกเนื้อกบเป็นชิ้นๆ ใส่ได้เลย และบางทีกบเล็กอาจมีขนาดใกล้เคียงกับกบใหญ่ ซึ่งต้องฉีกสังเกตดูที่กระดูกของกบว่ากระดูกแข็งหรือไม่ หากกระดูกแข็งให้แยกกระดูกออก โดยเฉพาะกระดูกส่วนขา และกระดูกสันหลัง ส่วนกบใหญ่จำเป็นต้องแยกกระดูกขา และสันหลังออกก่อน เพราะกบขนาดใหญ่จะมีกระดูกแข็ง หากรับประทานแล้วจะทำให้เสียรสชาติได้
6. เมื่อฉีกแยกเนื้อกบกับกระดูกใส่ลงครกแล้ว ให้ตำบดร่วมกับพริกขี้หนู หอมแดง และกระเทียมที่ตำไว้ ทั้งนี้ อาจตำบดจนแหลกละเอียดหรือตำบดให้เห็นเป็นชิ้นเนื้อกบก็ได้ แล้วแต่คนชื่นชอบ


7. นำน้ำปลาร้า ผงชูรส น้ำปลา และมะนาว (สำหรับผู้ต้องการรสเปรี้ยว) ลงผสม ก่อนตำคลุกให้เข้ากัน ทั้งนี้ หากทำแบบแห้งจะใช้น้ำปลาร้า 1 ช้อนโต๊ะ แต่หากทำแบบมีน้ำจะใช้น้ำปลาร้าต้มประมาณ 5-8 ช้อนโต๊ะ หรือใช้น้ำปลาร้า 1 ช้อนโต๊ะ ร่วมกับน้ำต้มในปริมาณที่ต้องการ
8. ตักใส่ถ้วย แล้วโรยหน้าด้วยผักผักหอม/ผักชี/ผักชีฝรั่ง ตามความชื่นชอบ ก็พร้อมรับประทาน

ผักรับประทานคู่ป่นกบ
1. ยอดและดอกผักแคบ้าน
2. แตงกวา แตงร้าน
3. มะเขือเปราะ
4. ถั่วฝักยาว
5. ผักกาดขาว
6. กะหล่ำปลี

ขอบคุณภาพจาก
– คุณตุ้ย พงษีพิษณุ และoer.kku.ac.th/
– Pantip.com